ทำความรู้จักงานฝ่ายบุคคลหรือชื่อหลายคนคุ้นเคยอย่าง HR แผนก HR คืออะไร? งาน HR มีกี่ประเภท? เมื่อ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เริ่มเข้ามาบทบาทสำคัญในทุกสายงาน ไม่เว้นแม้แต่แผนก HR ทำให้เราเริ่มเห็นหลายองค์กรหรือบริษัทที่ใช้ AI ในการสรรหาบุคลากรมากขึ้น และเพื่ออัปเดตเทรนด์ในสายงาน HR วันนี้ SOLUTIONS IMPACT จะพาทุกคนเจาะลึกหน้าที่ของ HR พร้อมแชร์เครื่องมือ HR มีอะไรบ้าง? เตรียมความพร้อมสู่เส้นทางอาชีพ HR ยุคใหม่ที่ใช่ในยุคดิจิทัล
HR มีกี่ประเภท? เจาะลึกโครงสร้างและทุกตำแหน่งในฝ่ายบุคคลฉบับสมบูรณ์
เมื่อพูดถึง HR (Human Resources) หลายคนอาจคิดว่าหน้าที่ของ HR หลัก ๆ จะดูแลแค่เรื่องสัญญาจ้าง เงินเดือน หรือการรับสมัครงานอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้วงานแผนก HR คือ
- การบริหารบุคคลเชิงกลยุทธ์
- การพัฒนาศักยภาพพนักงาน
- การบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรและประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน
การเข้าใจว่างานฝ่ายบุคคล มีอะไรบ้าง? และบทบาทแต่ละสายงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้องค์กรสามารถวางโครงสร้างทรัพยากรบุคคลได้ครบทุกมิติ และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
HRM VS. HRD ไม่เหมือนกัน ความแตกต่างระหว่างการจัดการคนกับการลงทุนในคน
ถึง HRM (Human Resource Management) และ HRD (Human Resource Development) จะเป็นส่วนหนึ่งของงานทรัพยากรบุคคลเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 แนวคิดกลับจุดเน้นที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
HRM (การบริหารทรัพยากรบุคคล)
- เน้นการจัดการคน ในองค์กรให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ กระบวนการและระบบ เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร
- หน้าที่ของ HRM ได้แก่
- สรรหา คัดเลือก และบรรจุพนักงาน
- จัดการเงินเดือน ค่าตอบแทน และสวัสดิการ
- ดูแลกฎระเบียบ วินัย และสัญญาจ้าง
- ประเมินผลงานและจัดการความสัมพันธ์แรงงาน
HRD (การพัฒนาทรัพยากรบุคคล)
- เน้นการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ ทักษะ และทัศนคติของพนักงาน เพื่อยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรให้เติบโตไปพร้อมกับองค์กร
- หน้าที่ของ HRD ได้แก่
- อบรมและฝึกทักษะ (Training)
- พัฒนาอาชีพและเส้นทางความก้าวหน้า (Career Development)
- สร้างผู้นำและผู้สืบทอดตำแหน่ง (Leadership & Succession Planning)
- สนับสนุนการเรียนรู้ต่อเนื่องในองค์กร (Learning Organization)
HR มีกี่ประเภท? รู้จัก 6 ประเภทงาน HR ยอดฮิต ครอบคลุมทุกมิติการบริหารคน

โดยทั่วไปในองค์กรขนาดกลางไปจนถึงองค์กรใหญ่ งาน HR ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 6 ประเภทหลัก ๆ โดยแต่ละประเภทจะทำหน้าที่แตกต่างกันไป ได้แก่
- Recruitment & Talent Acquisition : สรรหา คัดเลือก และดึงดูดคนเก่งเข้าสู่องค์กร
- Training & Development : พัฒนาทักษะ ความรู้ และเส้นทางอาชีพของพนักงาน
- Compensation & Benefits : ดูแลค่าตอบแทน เงินเดือน โบนัส และสวัสดิการ
- Employee Relations : สร้างความสัมพันธ์ที่ดี จัดการข้อร้องเรียน และดูแลบรรยากาศการทำงาน
- HR Analytics : วิเคราะห์ข้อมูลบุคลากร เพื่อใช้วางกลยุทธ์และตัดสินใจ
- HR Operations : ดูแลงานเอกสาร ระบบ และกระบวนการ HR ให้เป็นไปอย่างราบรื่น
HR มีกี่ประเภท? อยากทำงาน HR ต้องรู้ Generalist VS. Specialist แบบเข้าใจง่าย
สำหรับคนที่สนใจงาน HR ส่วนใหญ่จะสงสัยว่าเส้นทางอาชีพควรไปทางไหนดี? ระหว่างการเป็น HR Generalist ที่ทำงานได้ครอบคลุมหลายด้าน กับ HR Specialist ที่เจาะลึกและเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งแต่ละสายต่างก็มีบทบาท จุดแข็ง และโอกาสเติบโตไม่เหมือนกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- HR Generalist : หน้าที่ของ HR สายนี้จะเน้นการดูแลครอบคลุมทุกมิติ ทำหน้าที่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การสรรหาพนักงาน จัดการอบรมภายในองค์กร ค่าตอบแทน หรือดูแลพนักงาน
- HR Specialist : ส่วนสาย Specialist จะเป็นสายรู้ลึก เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น Recruitment, Training & Development, Compensation & Benefits หรือ HR Analytics
งาน HR มีกี่ประเภท? เจาะลึกบทบาทพร้อมยกตัวอย่างตำแหน่งยอดนิยม
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า สายงาน HR ไม่ได้มีแค่ฝ่ายบุคคล แต่สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท โดยแต่ละประเภทก็มีหน้าที่และตำแหน่งเฉพาะที่แตกต่างกัน ได้แก่
- Recruitment & Talent Acquisition : ดูแลการสรรหาและคัดเลือกคนเก่งเข้าสู่องค์กร เช่น Recruiter, Talent Acquisition Specialist
- Compensation & Benefits (C&B) : ดูแลค่าตอบแทน เงินเดือน โบนัส และสวัสดิการ เช่น C&B Specialist, Payroll Officer
- Training & Development (L&D) : พัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงาน เช่น Training Officer, Learning & Development Specialist
- Employee Relations (ER) : สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรกับพนักงาน ดูแลข้อร้องเรียนและวินัย เช่น Employee Relations Officer, Labor Relations Specialist
- HR Business Partner (HRBP) : ที่ปรึกษาด้านคนและกลยุทธ์ ทำงานใกล้ชิดกับฝ่ายธุรกิจ เช่น HRBP, Senior HRBP
- HR Operations / HR Generalist : ดูแลงานเอกสาร กระบวนการ และระบบ HR ภาพรวม เช่น HR Officer, HR Generalist
Strategic HR และ Operational HR แตกต่างกันอย่างไร?

นอกจาก HR จะสามารถแบ่งตามความเชี่ยวชาญได้แล้ว ยังสามารถแบ่งบทบาทของ HR ตามเป้าหมายและกรอบเวลาของการทำงาน โดยสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่
Operational HR
- วางแผนและกำหนดทิศทางด้านบุคลากรในระยะยาว เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการบริหารคนอย่างมีวิสัยทัศน์
- เน้นความถูกต้องและประสิทธิภาพของงานปัจจุบัน ตั้งแต่การทำเงินเดือนให้ตรงเวลา การจัดการเอกสารลา การดูแลสวัสดิการ ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นกับพนักงาน
Strategic HR
- งานประจำวันและกระบวนการ HR ให้ราบรื่น เพื่อทำให้ระบบ HR ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการทำงานขององค์กรใน ไม่ว่าจะเป็น
- การดูแลสัญญาจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทน และสวัสดิการ
- บริหารเอกสาร HR และระบบข้อมูลบุคลากร
- จัดการข้อร้องเรียน วินัย และความสัมพันธ์กับพนักงาน
HR มีกี่ประเภท? การแบ่งประเภทของ HR ตามขนาดองค์กร
นอกจากการแบ่งประเภทตามความเชี่ยวชาญ และเป้าหมายหรือกรอบเวลาของการทำงานแล้ว ขนาดขององค์กรเองก็มีผลต่อโครงสร้างงาน HR เช่น เพราะความซับซ้อนและความต้องการด้านบุคลากรแตกต่างกัน
SME / องค์กรขนาดเล็ก
- โครงสร้าง HR : มักมีเพียง 1–2 คน
- บทบาท : ต้องทำครบทุกด้าน ตั้งแต่สรรหา ดูแลเงินเดือน ค่าตอบแทน อบรมพนักงาน ไปจนถึงงานเอกสาร HR
- จุดเด่น : เรียนรู้งานทุกด้าน เหมาะกับผู้ที่อยากเก่งรอบด้าน
- ข้อจำกัด : ภาระงานสูง ต้องบริหารหลายบทบาทพร้อมกัน
องค์กรขนาดใหญ่ / Corporation
- โครงสร้าง HR : แยกเป็นทีมเฉพาะด้าน เช่น Recruitment, C&B, L&D, Employee Relations, HR Analytics
- บทบาท : แต่ละคนหรือทีมเชี่ยวชาญในหน้าที่ของตัวเอง
- จุดเด่น : ทำงานเฉพาะทาง มีโอกาสพัฒนาความเชี่ยวชาญและเติบโตเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้นำด้าน HR
- ข้อจำกัด : งานบางส่วนอาจเป็นงานซ้ำซ้อนหรือเน้นระบบมากกว่าการเรียนรู้หลายด้าน
AIHR & Digital HR แนวโน้มและบทบาทใหม่ของ HR

โลกของ HR กำลังเปลี่ยนโฉมไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เรื่องการบริหารคนแบบเดิม ๆ แต่รวมถึงการนำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน
จับตาเทรนด์ HR สำคัญที่จะเปลี่ยนโลกงานบุคคล
- AI และ HR Tech : ระบบอัจฉริยะช่วยสรรหา วิเคราะห์ประสิทธิภาพ และบริหารพนักงานได้แม่นยำขึ้น
- Data-driven HR : ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลจริง ลด Bias และช่วยวางกลยุทธ์ด้านบุคลากรได้ชัดเจน
- HR Analytics : วิเคราะห์แนวโน้ม การลาออก ผลงาน หรือ Engagement ของพนักงาน เพื่อปรับปรุงนโยบายและกลยุทธ์ HR
- AIHR (Artificial Intelligence in HR) : การใช้ AI เข้ามาช่วยงาน HR ทั้งในด้านสรรหา พัฒนาพนักงาน และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
บทบาทใหม่ของ HR ในยุคดิจิทัล
- จากผู้ดูแลระบบ (Administrative) → กลายเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลและวางกลยุทธ์เชิงธุรกิจ
- การใช้เทคโนโลยีช่วยให้ HR ทำงานเร็วขึ้น ลดงานซ้ำซ้อน และสร้างประสบการณ์พนักงานที่ดีขึ้น
สรุป แล้วจะเลือกสายงาน HR แบบไหนดีให้เหมาะกับตัวเอง?
สำหรับการเลือกสายงาน HR ให้เหมาะกับตัวเอง แนะนำให้พิจารณาจากความถนัดและเป้าหมายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น
- ชอบทำหลายอย่าง / เรียนรู้รอบด้าน → HR Generalist : ทำงานครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่สรรหา พัฒนาพนักงาน ดูแลสวัสดิการ เหมาะกับคนที่อยากเข้าใจภาพรวมของ HR
- ชอบเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง → HR Specialist : เจาะลึกด้านใดด้านหนึ่ง เช่น Recruitment, C&B, L&D, HR Analytics เหมาะกับคนที่อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- สนใจกลยุทธ์และการวิเคราะห์ → Strategic HR / HR Analytics : วางแผนระยะยาว ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีช่วยตัดสินใจ เหมาะกับคนที่อยากมีบทบาทขับเคลื่อนองค์กร
สรุปแล้วควรเลือกตาม ความถนัด + ความสนใจ + เป้าหมายในอนาคต จะทำให้ทำงาน HR ได้สนุกและเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาหลักสูตร AI for HR นึกถึง SOLUTIONS IMPACT สถาบันอบรมที่ออกแบบ เพื่อรองรับทักษะสำคัญแห่งอนาคตชั้นในไทย ติดต่อได้ที่นี่เลย คลิก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ HR มีกี่ประเภท
HRM กับ HRD แตกต่างกันอย่างไร?
HRM (Human Resource Management) คือ การบริหารบุคลากรในภาพรวม เน้นดูแลให้ระบบงานราบรื่นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย เช่น การรับสมัคร การทำเงินเดือน สวัสดิการ และดูแลให้พนักงานปฏิบัติตามกฎระเบียบ ส่วน HRD (Human Resource Development) คือ การพัฒนาคน เน้นทำให้พนักงานเก่งขึ้นและเติบโตไปพร้อมกับองค์กร เช่น การจัดอบรม การวางแผนสายอาชีพ (Career Path) และการสร้างผู้นำรุ่นใหม่
ฝ่ายบุคคล กับ HR แตกต่างกันอย่างไร?
ฝ่ายบุคคลเป็นชื่อเรียกที่คนไทยคุ้นเคยส่วน HR (Human Resources) เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนมุมมองที่ทันสมัยกว่าว่า พนักงานคือทรัพยากรที่มีค่าขององค์กรไม่ใช่แค่บุคลากรที่ต้องจัดการ
HR Payroll มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง?
HR Payroll คือ ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานโดยตรง เช่น คำนวณเงินเดือน รวมรายรับทั้งหมด (เงินเดือน OT ค่าคอมมิชชัน) และหักรายการต่าง ๆ (ภาษี ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)
ขอบเขตของงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HRM) มีอะไรบ้าง?
งานบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) ครอบคลุมกระบวนการดูแลพนักงานทั้งหมดในองค์กร โดยแบ่งเป็น การวางแผนและสรรหา (Planning & Recruitment) วางแผนกำลังคน รับสมัคร คัดเลือก และว่าจ้างพนักงานใหม่ การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการ (Compensation & Benefits) ออกแบบโครงสร้างเงินเดือน โบนัส และจัดหาสวัสดิการต่าง ๆ ให้พนักงาน เป็นต้น