Leadership คืออะไร ภาวะผู้นำ คืออะไร มีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
ภาวะผู้นำ (Leadership) คืออะไร ลักษณะของผู้นำที่ดี มีอะไรบ้าง ชวนรู้จักภาวะผู้นำแบบเชิงลึก หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่องค์กรต้องการ ผู้นำไม่ใช่แค่ตำแหน่ง แต่เป็นการมีภาวะผู้นำ แต่ต้องเริ่มต้นยังไง ถึงจะเป็นคนที่ใช่ ที่องค์กรต้องการ เพราะ การเป็นผู้นำใคร ๆ ก็เป็นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีภาวะผู้นำที่ดี แจก 5 วิธีพัฒนาทักษะผู้นำที่ดีที่ประสบความสำเร็จ ต้องทำยังไงบ้าง SOLUTIONS IMPACT มีคำตอบให้ที่นี่
ความต้องการขององค์กรได้
ชวนรู้จักภาวะผู้นำ (Leadership) คืออะไร?
ภาวะผู้นำ หมายถึง กระบวนการที่มีกลุ่มคนหรือคน ๆ หนึ่งมีอิทธิพลต่อผู้อื่นในองค์กร สามารถกระตุ้น ชี้นำ หรือสร้างแรงจูงใจ เพื่อผลักดันแนวคิด หรือดึงศักยภาพของบุคคลคนนั้นออกมาใช้ได้เหมาะสมกับงาน โดยที่บุคคลอื่นเต็มใจที่จะร่วมมือทำสิ่ง ๆ นั้นให้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้
9 คุณลักษณะของภาวะผู้นำ มีอะไรบ้าง

แน่นอนว่าทุกคนมีโอกาสที่จะเติบโตในหน้าที่การงาน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอนาคต แต่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นผู้นำที่ดีได้ การเป็นผู้นำ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะเป็นผู้นำที่องค์กรมองหาเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งกว่า เราจึงได้รวม 10 คุณลักษณะของผู้นำที่องค์กรต้องการ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มีทักษะการสื่อสารที่ชัดเจน
- ผู้นำที่ดี คือ คนที่มีความสามารถสื่อสารได้ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ไม่กลับไปกลับมา เพื่อส่งต่อสารที่ถูกต้อง ให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันและดำเนินงานตามที่วางแผนไว้
มีความรับผิดชอบ
- มีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ผลิตหรือสร้างสรรค์ผลงานที่ประสิทธิภาพ และจัดส่งตรงตามเวลาที่กำหนด ซึ่งทักษะนี้เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญมาก ๆ ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ยิ่งมีความรับผิดชอบมากเท่าไร ความเชื่อใจของเพื่อนร่วมก็มีมากตาม เสริมให้การทำงานมีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น
มีความเคารพซึ่งกันและกัน
- อีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ผู้นำหลายคนตกม้าตาย ใช้อำนาจในการบังคับสมาชิกในทีมหรือคนในองค์กร สร้างบรรยากาศอึดอัดในการทำงาน ซึ่งการเป็นผู้นำที่ดีควรปฏิบัติลูกค้า และพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียม
ยอมรับความเปลี่ยนแปลง พร้อมเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ
- ถึงแม้จะเคยชินกับการทำงานรูปแบบเดิม ๆ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าองค์กรจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ต้องมีการปรับตัว เพื่อการอยู่รอด โดยเฉพาะผู้นำ จะต้องรู้จักเรียนรู้และยอมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ และที่สำคัญ คือ ต้องรับฟังความเห็นจากผู้อื่น โดยไม่ถือตัวว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ หรือมีประสบการณ์มากกว่า เพื่อนำไอเดียมากปรับปรุงและพัฒนาองค์กรต่อไปให้ดีมากยิ่งขึ้น
มีวิสัยทัศน์
- อีกหนึ่งทักษะของการมีภาวะผู้นำ คือ การมองการณ์ไกล ศึกษาและมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่เป็นไปได้ในอนาคต เพื่อพัฒนาองค์กรให้ทันสมัยในยุคดิจิทัล
มีความยุติธรรม เสมอต้นเสมอปลาย
- นอกจากจะมีศักยภาพในการทำงานแล้ว สิ่งที่จะทำให้บรรยากาศในที่ทำงานมีความสุข และราบรื่นมากที่สุด ก็คือ ผู้นำที่มีความยุติธรรม เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน ช่วยให้ทุกคนมีความเคารพซึ่งกันและกัน และยังมีส่วนทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ทำให้พนักงานเห็นเป็นตัวอย่าง
- การทำให้พนักงานในองค์กรเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มจากเราก่อน เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เป็นอีกหนึ่งทักษะที่หลายองค์กรมองข้าม เนื่องจาก ผู้นำบางคนถนัดพูดมากกว่าทำ ถ้าปรับทักษะในส่วนนี้ได้ จะช่วยให้ผลงานมีประสิทธิภาพและเพิ่มความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
ดึงศักยภาพคนในทีมออกมา
- มอบหมายหน้าที่ให้กับคนที่เหมาะสม (Put the right man on the right job) และดึงศักยภาพการทำงานของแต่ละคนออกมาให้มากที่สุด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังส่วนช่วยเสริมความมั่นใจให้กับพนักงานได้อีกด้วย
สร้างกำลังใจ
- และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากที่สุดของการเป็นผู้นำที่ดี คือ การรู้จักพูดสร้างกำลังใจให้กับคนในทีม แน่นอนว่าการทำงานไม่มีทางราบรื่นตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีอุปสรรค หรือพนักงานเริ่มมีอาการท้อหรือหมดกำลังใจ ผู้นำที่ดีควรพูดให้กำลังใจในการทำงาน หรือสนับสนุนการพัฒนาความรู้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะผ่านอุปสรรคไปได้แน่นอน
ผู้นำ (Leader) กับภาวะผู้นำ (Leadership) แตกต่างกันอย่างไร
Leader คือ ผู้นำ ผู้ที่ได้รับอำนาจในการปกครองคน สามารถกระตุ้น ชี้นำ หรือผลักดันแนวคิดให้คนอื่นปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วน Leadership คือ ผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง มีวิสัยทัศน์ พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ และคอยให้กำลังใจคนในทีมเสมอ
เมื่อรวม 2 สิ่งเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็นผู้นำที่มีภาวะผู้นำ หรือผู้นำที่มีลักษณะผู้นำที่ดี ที่ช่วยผลักดันและสนับสนุนพนักงานในองค์กรไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จัก 6 ประเภทของผู้นำ พร้อมข้อดี-ข้อเสียนำ (Leadership) แตกต่างกันอย่างไร

ผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลง
เป็นประเภทผู้นำที่มีความรู้และความเข้าใจในองค์กรอย่างละเอียด มีวิสัยทัศน์ในการทำงาน มีความรู้ความสามารถในการพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ดีกว่า คอยมองหาโอกาสและความเป็นไปได้ เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและรูปแบบการทำงาน เพื่อพัฒนาองค์กรให้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ข้อดี : เหมาะกับองค์กรที่ต้องการเติบโต หรือต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
- ข้อเสีย : ผู้นำบางคนอาจมุ่งทำตามเป้าหมาย จนกดดันพนักงานมากเกินไป ทำให้พนักงานไม่มีความสุขกับการทำงาน หรือรู้สึกทำงานหนักจนเกินไป ทำให้องค์กรอาจสูญเสียบุคลากรที่มีประสิทธิภาพได้
ผู้นำที่ส่งเสริมความร่วมมือ
ผู้นำประเภทนี้จะเน้นความเป็นหนึ่งเดียวในองค์กร ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม เน้นการมีส่วนร่วม สร้างแรงจูงใจให้คนในทีม ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและการรับฟัง เคารพซึ่งกันและกัน มีการแบ่งปันไอเดียและความรู้ โดยไม่มีการแบ่งแยกแผนก เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
- ข้อดี : ตอบโจทย์ธุรกิจที่มีหลายแผนกหรือธุรกิจที่มีสาขาหลายประเทศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างความสามัคคีในกลุ่มพนักงาน
- ข้อเสีย : บางครั้งการทำงานแบบร่วมมือกัน อาจไม่เหมาะกับการงานที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และอาจเกิดความขัดแย้งในทีมได้
ผู้นำที่เป็นผู้รับใช้
เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับผู้ร่วมงานเป็นลำดับแรก เข้าใจความต้องการ และความรู้สึกของคนรอบข้าง เป็นผู้รับฟังที่ดี คอยให้ความช่วยเหลือกับพนักงาน เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้และประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
- ข้อดี : พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เหมาะสมกับองค์กรที่ต้องการสร้างบรรยากาศทำงานที่ดีและส่งเสริมการทำงานเป็นทีม
- ข้อเสีย : ใช้เวลานานกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เพราะต้องอาศัยการมีส่วนร่วม รับฟังและตัดสินใจร่วมกัน ไม่เหมาะกับงานที่ต้องอาศัยการตัดสินใจรวดเร็วและเด็ดขาด และอาจหมดไฟในการทำงาน เนื่องจาก โดนเอาเปรียบโดยพนักงานที่ไม่มีความรับผิดชอบ
ผู้นำที่มีความเป็นประชาธิปไตย
ให้ความสำคัญกับพนักงาน ปฏิบัติกับพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียม มีความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน พร้อมรับฟังความคิดเห็น โดยไม่ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เมื่อถึงเวลาตัดสินใจ ผู้นำประเภทนี้จะถามความต้องการของทุกคนอีกครั้งก่อนตัดสินใจ
- ข้อดี : ช่วยสร้างความกระตือรือร้นให้กับคนในองค์กร เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วม และยังสร้างความสามัคคีให้กับคนในองค์กร
- ข้อเสีย : เมื่อถึงเวลาตัดสินใจต้องอิงตามเสียงส่วนมากเป็นหลัก ซึ่งจะมีพนักงานบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย
แต่จำเป็นต้องทำ และอาจต้องใช้เวลาในการหาทางแก้ปัญหา
ผู้นำที่มีเสน่ห์
คือ ผู้นำที่ใช้ความกระตือรือร้น การสื่อสาร และสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ลักษณะของผู้นำประเภทนี้จะช่วยลดช่องว่างระหว่างตำแหน่งได้เป็นอย่างดี จากการเป็นตัวอย่างที่ดีและความเห็นอกเห็นใจกัน
- ข้อดี : เหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กรที่ต้องการกู้ชื่อเสียงกลับมา หลังได้รับผลกระทบจากข่าวลือหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น
- ข้อเสีย : บางครั้งอาจมีปัญหาในการตัดสินใจ เพราะการให้ความสำคัญกับผู้คน เช่นเดียวกับผู้นำที่เป็นผู้รับใช้และผู้นำที่มีความเป็นประชาธิปไตย
ผู้นำตามสถานการณ์
คือ ผู้นำที่มีความสามารถในการปรับตัวดีที่สุด เน้นการสนับสนุนและส่งเสริมพนักงาน มีความฉลาดทางอารมณ์ มองภาพรวมของธุรกิจเป็นหลัก มองหาโอกาสที่เป็นไปได้ เพื่อผลักดันองค์กรไปข้างหน้า สามารถโน้มน้าวและสร้างแรงจูงใจในการทำงานพนักงานตามสถานการณ์ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และการตัดสินใจร่วมกันกับพนักงาน
- ข้อดี : สามารถประเมินสถานการณ์และดำเนินการได้อย่างเหมาะสม และรู้ว่าควรปรับเปลี่ยนแนวทางทำงาน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อใด เป็นผู้นำในอุดมคติสำหรับองค์กร
5 วิธีเพิ่มทักษะผู้นำที่ดีที่ประสบความสำเร็จ
รู้จักเข้าสังคมให้เป็น
- สังคมการทำงาน ไม่ใช่การทำงานคนเดียวแล้วจบ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือกับพนักงานในส่วนอื่น ๆ ซึ่งมีความแตกต่างทั้งนิสัยและวัฒนธรรมของแต่ละแผนก โดยผู้นำที่ดีจะต้องเชื่อมโยงพนักงานเข้าด้วยกัน เพื่อบรรลุเป้าหมาย ทักษะนี้สามารถทำได้ทุกคน เริ่มต้นง่าย ๆ จาก การยิ้มและพยักหน้าตอบรับคู่สนทนา ซึ่งเป็นการแสดงว่าเราโฟกัสและเข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด พร้อมสังเกตพฤติกรรมของคู่สนทนา เพื่อความเข้าใจเจตนาในการสื่อสาร
มีความฉลาดทางอารมณ์
- ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เป็นทักษะสำคัญสำหรับการเป็นผู้นำที่ดี ต่อให้มีศักยภาพในการทำงานดีแค่ไหน แต่ถ้าขาดเรื่องการจัดการอารมณ์ในช่วงสถานการณ์กดดัน ก็ตกม้าตายได้ คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูง จะสามารถบริหารจัดการความคิด และรับมือกับปัญหาในสถานการณ์กดดันได้เป็นอย่างดี ช่วยผลักดันทีมให้ประสบความสำเร็จ โดยไม่ทำลายบรรยากาศในการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยลดช่องว่างความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งกับพนักงานในองค์กรได้อีกด้วย
คิดนอกกรอบ และพร้อมเปลี่ยนแปลงเสมอ
- โลกการทำงานในยุคดิจิทัล มีการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา การปรับทัศนคติในการทำงานให้มีความยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ คือสิ่งที่ดีที่สุด หัดคิดนอกกรอบ ลองหามุมมองใหม่ ๆ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่กว่า การฝึกคิดนอกกรอบจะช่วยให้องค์กรมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ หรืออาจพลิกวิกฤตสู่โอกาสใหม่ ๆ ได้
การคิดนอกกรอบสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น เสริมมุมมองที่แตกต่างให้กว้างมากยิ่งขึ้น ช่วยให้เข้าใจแนวคิดหรือวิธีคิดของผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น
จัดการเวลาตามลำดับความสำคัญ
นอกจากการเข้าสังคม ความฉลาดทางอารมณ์ และการคิดนอกกรอบแล้ว อีกหนึ่งทักษะที่ควรเสริมสำหรับการเป็นผู้นำที่ดี คือ การบริหารจัดการเวลาที่อยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านเทคนิคต่าง ๆ เช่น
- การกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อจัดสรรเวลาให้เหมาะสม
- ทำ To Do List เพื่อเรียบเรียงงานตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วน
- กำหนดเวลางานแต่ละชิ้นให้ชัดเจน โดยแบ่งตามความยาก-ง่ายของงาน
- รู้จักกระจายงานให้เป็น มอบหมายงานที่เหมาะสมให้กับคนที่เหมาะสม (Put the right man on the right job) อย่าทำงานคนเดียว
อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
- เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน พัฒนาสกิลใหม่ ๆ ตลอดเวลา อย่าอยู่นิ่งกับที่ อย่าหลงคิดว่าตัวเองที่สุดแล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทักษะนี้นอกจากจะทำให้มีความรู้ความสามารถหลากหลายแล้ว ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของทีมอีกด้วย
ทักษะนี้สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจากการหาสิ่งที่สนใจก่อน เช่น อ่านหนังสือในหมวดที่เคยอ่าน เอาตัวเองเข้าไปในสังคมใหม่ ๆ หรือลงเรียนคอร์สเสริมสกิลแห่งอนาคตก็ได้เช่นกัน
ทำไมทักษะภาวะผู้นำ ถึงมีความสำคัญต่อองค์กร ?

ลองจินตนาการว่าคุณได้มีหัวหน้างานดี ๆ สักคน คนที่ไม่ได้มีดีแค่ความเก่ง แต่มีความเข้าใจ เป็นกันเอง สร้างแรงจูงใจในทีม มองภาพรวมของสมาชิกในทีมหรือองค์กรเป็นหลัก ถ้าคุณมีหัวหน้าแบบนี้ คุณจะมีความสุขในการทำงาน อยากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในองค์ ในทางกลับกัน ถ้าคุณเจอหัวหน้างานที่มีศักยภาพในการทำงาน แต่ชอบพูดดูถูก สั่งงานนอกเวลา ขาดความรับผิดชอบ เมื่อมีปัญหาจะโยนปัญหานั้น ๆ ให้คนอื่น เชื่อว่า การมีหัวหน้างานแบบนี้คงเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากเจอแน่นอน
ซึ่งการจะสร้างให้ธุรกิจหรือองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เพื่อผลักดันผลงานไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ การมีหัวหน้างานที่มีภาวะผู้นำ (Leadership) จึงมีความสำคัญ เพราะ คนเหล่านี้จะเป็นผู้ที่บริหารจัดการงานหลาย ๆ อย่างทั้งเวลา ทรัพยากร การกระจายงานและอื่น ๆ อีกมากมาย โดยที่พนักงานในทีมหรือคนองค์กรยังมีความสุขกับการทำงาน ดังนั้น ภาวะผู้นำ จึงเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้องค์กรก้าวข้ามวิกฤตสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก
การมีทักษะ Future Leadership & Management มีข้อดีอย่างไร
สำหรับคนที่มีทักษะด้าน Future Leadership & Management นอกจากจะช่วยให้ทำงานสนุกและง่ายกว่าเดิมแล้ว ยังมีข้อดีด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่องค์กรต้องการมากที่สุด
- สามารถนำพาองค์กรก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่าง ๆ
- พัฒนาแนวคิดและศักยภาพในการทำงาน
- เพิ่มฐานเงินเดือนให้สูงกว่าเดิม
สำหรับใครที่มีความสนใจด้าน Future Leadership & Management อยากพัฒนาสกิลด้านภาวะผู้นำให้สูงมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาแนวคิดและสกิลสู่การเป็นผู้นำที่ดี ภาวะผู้นำในองค์กร เพื่อนำไปปรับใช้ภายในองค์กร แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน ให้ SOLUTIONS IMPACT เป็นทางเลือกดี ๆ ให้กับคุณ เพราะเราเป็นสถาบันที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารและจัดการ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล
คอร์สการสอนของเราผ่านการดีไซน์และออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกองค์กรโดยเฉพาะ ไม่ว่าองค์กรของคุณจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม บรรยากาศการเรียนของเราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานเป็นอันดับแรก เพื่อปรับแนวคิด เสริมความเข้าใจและพัฒนาพฤติกรรมสู่ผู้นำที่ดี และที่สำคัญ หลักสูตรการเรียนของเรายังสามารถ Customize ให้ตรงกับความต้องการขององค์กรได้อีกด้วย
คอร์สที่น่าสนใจ Future Leadership & Management สู่ผู้นำขับเคลื่อนองค์กร ในยุค AI FIRST
Generation Gap & Talent Management For Future Leadership
อีกหนึ่งคอร์สเรียนยอดนิยมสำหรับองค์กร เป็นคอร์สเรียนที่เน้นพัฒนาสกิลในการเป็น Leadership ที่องค์กรมองหา และเป็นผู้นำที่ดีที่พนักงานใฝ่ฝัน เน้นการทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้นำที่ดี บริหารจัดการพนักงานสู่ทีมงานยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมต่อยอดจุดแข็งของแต่ละคน เพื่อผลักดันสู่เป้าหมายเดียวกัน เพราะทุกคนมีโอกาสที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานสู่การเป็นผู้นำในอนาคต
- วิเคราะห์ Generation Gep ในองค์กร เพื่อหาแนวทางเชื่อมโยงความเป็นทีมยุคใหม่
- ออกแบบแผนพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้พร้อม มีความรับผิดชอบสูงขึ้นด้วยตัวเขาเอง
- คัดเลือกและเตรียมความพร้อมบุคลากรที่มีศักยภาพสูง เพื่อเติบโตเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต
- ความลับของการรักษาบุคลากรคุณภาพให้อยู่กับองค์กรต่อไปในโลกยุคนี้
- ต่อยอดจุดแข็งของแต่ละคน เพื่อผลักดันทีมสู่เป้าหมายเดียวกัน
ความต้องการขององค์กรได้
หลักสูตรอบรมของ SOLUTIONS IMPACT แตกต่างจากสถาบันอื่นอย่างไร
เราเป็นหนึ่งในสถาบันอบรมด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมชั้นนำของประเทศ มีความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้งทางนวัตกรรม และพัฒนาสกิลการเป็นผู้นำที่ดีสำหรับองค์กรมากกว่า 12 ปี ผ่านการเทรนด์และอบรมหน่วยงานราชการ เอกชน และบริษัทต่าง ๆ ชั้นนำระดับประเทศมากกว่า 50,000 / ปี การันตีผลลัพธ์ประยุกต์ใช้ได้จริงด้วยความไว้วางใจจากองค์กรระดับประเทศมากกว่า 100 องค์กร
ระหว่างการอบรม เราใช้หลักการทางจิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์ในการออกแบบเกม และกลยุทธ์การสอนรูปแบบใหม่ ๆ ตอบคำถามที่ทุกคนมีข้อสงสัยตลอดการเรียนการสอน พร้อมออกแบบเนื้อหาให้ตอบโจทย์ตามความต้องการขององค์กรมากที่สุด เสริมบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ให้มีความน่าสนใจ ไม่จำเจ ต่างจากรูปแบบการอบรมเดิม ๆ
FAQ : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ภาวะผู้นำ (Leadership)
Leadership ย่อมาจาก
Leadership ไม่ใช่คำย่อ แต่เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความหมายว่า ภาวะผู้นำ หรือ การเป็นผู้นำตัวอย่างคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ Leadership ที่นิยมย่อจากคำเต็ม มีดังนี้
- LDR : ย่อมาจาก ผู้นำ (Leader)
- LDP : ย่อมาจาก โปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development Program)
- LEAD : ย่อมาจาก ภาวะผู้นำ การศึกษา และการพัฒนา (Leadership, Education, and Development)
ความแตกต่างระหว่าง Manager Leader คือผู้บริหารอะไร
ผู้นำ (Leader) เป็นผู้ที่ต้องหาแนวทางการเปลี่ยนแปลง หรือหาไอเดียใหม่ ๆ ในการทำงาน ในขณะที่ Manager จะเน้นให้ความสำคัญในการบริการหารจัดการ ทั้งรายละเอียด กระบวนการ และกลไกต่าง ๆ ในการทำงาน เพื่อคงเสถียรภาพในการทำงานไว้ ซึ่งผู้นำเองก็สามารถเป็นผู้จัดการได้ และผู้จัดการเองก็เป็นผู้นำได้เช่นกัน
ทักษะสำคัญที่ผู้นำ (Leader) และผู้จัดการ (Manager) ต้องมี
การเป็นผู้นำ (Leader) ทักษะสำคัญที่ต้องมี ได้แก่
- สร้างวิสัยทัศน์ : มองความสำเร็จขององค์กรในอนาคต
- สร้างแรงบันดาลใจ : ให้พนักงานในองค์กร เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ
- มองเห็นความเปลี่ยนแปลง : ต้องมองเห็นการเปลี่ยนแปลงก่อนใคร เพื่อนำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอ
- วางกลยุทธ์ : มีการวิเคราะห์และวางแผน เพื่อความสำเร็จในอนาคต
ผู้จัดการ (Manager) ควรมีทักษะสำคัญ ดังต่อไปนี้
- บริหารจัดการ : บริหารจัดการทั้งงบประมาณ เวลา ทรัพยากร ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากนี้ จะต้องเรียนรู้กระบวนการทำงานทั้งหมด และสามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้ถูกต้องและเหมาะสม ทั้งนี้ องค์กรที่มีผู้นำ (Leader) และผู้จัดการ (Manager) ที่ดี ก็จะทำให้องค์กรสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก