Natural Language Processing เป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีที่มนุษย์สื่อสารกับเครื่องจักร ในยุคที่มีข้อมูลมหาศาลและการสื่อสารดิจิทัลกลายเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า Natural Language Processing, NLP AI คืออะไร มีประโยชน์และความสำคัญอย่างไรในโลกยุคดิจิทัลนี้

Natural Language Processing (NLP) คืออะไร 

การประมวลผลภาษาธรรมชาติ หรือ Natural Language Processing, NLP AI คือหนึ่งในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถ “เข้าใจ” “ตีความ” และ “สร้าง” ภาษามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือเสียงพูด โดยเทคโนโลยี NLP AI นี้ถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น แชตบอท หรือ ผู้ช่วยอัจฉริยะ การวิเคราะห์ความคิดเห็นลูกค้า (Sentiment Analysis) การสรุปข้อความอัตโนมัติ การแปลภาษาอัตโนมัติ การพัฒนา NLP AI  ไม่ได้พึ่งพาแค่ปัญญาประดิษฐ์เท่านั้น แต่ยังรวมเอาความรู้จากหลายแขนงเข้าด้วยกัน เช่น ภาษาศาสตร์เชิงคำนวณ (Computational Linguistics) แบบจำลองทางภาษาแบบอิงกฎ (Rule-based Systems) Machine Learning โดยเฉพาะแบบจำลอง Deep Learning และสถิติและความน่าจะเป็น

วิวัฒนาการและความสำคัญของ NLP

NLP AI ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนแต่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแบ่งการพัฒนาออกได้เป็น 3 ยุคหลัก ดังนี้

1. ยุค Rule-based (ประมาณปี ค.ศ.1950–1990)

ในช่วงเริ่มต้น การพัฒนา NLP อาศัยหลักการเขียนกฎ (Rule-based) ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาจะสร้างชุดกฎต่างๆ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ภาษาได้ เช่น การแยกคำ การจับคู่คำศัพท์ หรือการแปลภาษาเบื้องต้น แต่ข้อจำกัดคือความสามารถในการปรับตัวต่อความหลากหลายของภาษาและบริบทยังมีน้อย

2. ยุค Machine Learning (ประมาณปี ค.ศ.1990–2010)

เมื่อข้อมูลมีมากขึ้น การเขียนกฎด้วยมือเริ่มไม่ตอบโจทย์ความซับซ้อนของภาษาอีกต่อไป นักวิจัยจึงหันมาใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) โดยป้อนข้อมูลจำนวนมากเข้าไปให้ระบบเรียนรู้รูปแบบและโครงสร้างของภาษาเอง ตัวอย่างเช่น Naive Bayes, Decision Trees และ Support Vector Machines (SVM)

3. ยุค Deep Learning (ปี ค.ศ.2010–ปัจจุบัน)

ยุคปัจจุบันคือการเปลี่ยนผ่านสู่การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) โดยใช้งานโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) แบบซับซ้อน เช่น LSTM, GRU และล่าสุดคือ Transformer ที่เป็นหัวใจของโมเดลอย่าง BERT, GPT, RoBERTa, T5 และ LLaMA ซึ่งสามารถเข้าใจบริบทของภาษาได้ลึกซึ้งในระดับที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ NLP AI มีความสามารถหลากหลาย เช่น การสร้างข้อความอัตโนมัติ การสรุปเนื้อหา การวิเคราะห์ความรู้สึก การรู้จำเสียงพูด รวมถึงการแปลภาษาอัตโนมัติ

NLP มีความสำคัญสำหรับองค์กรอย่างไร?

ในปัจจุบัน NLP AI กลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรต่างๆ นำมาใช้ในประโยชน์ โดยมีความสำคัญดังนี้

เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์

NLP AI ช่วยให้เครื่องจักรสามารถเข้าใจและโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการสื่อสารผ่านข้อความและเสียง เป็นเครื่องมือที่ผสานความสามารถของ AI เข้ากับศาสตร์ของภาษาศาสตร์ ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ความหมายของคำพูดที่ซับซ้อน เข้าใจบริบททางภาษา ตรวจจับอารมณ์ และตีความเจตนาของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ NLP มีบทบาทสำคัญในการสร้างบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติของระบบแชตบอท หรือ ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ เช่น Siri, Google Assistant หรือ ChatGPT ทำให้ AI เหล่านี้สามารถตอบสนองด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ใช้โทนเสียงที่เหมาะสม และสร้างประสบการณ์การสื่อสารที่ใกล้เคียงกับการพูดคุยกับมนุษย์จริงๆ                         

ช่วยจัดระเบียบ วิเคราะห์ ข้อมูลขององค์กร

NLP AI ช่วยจัดระเบียบและจัดการข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของข้อความและเสียง เช่น เอกสารภายในองค์กร อีเมล รายงาน การสนทนาทางโทรศัพท์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแยกแยะและจำแนกหมวดหมู่เนื้อหาได้อย่างแม่นยำ ดึงสาระสำคัญจากข้อมูลจำนวนมาก จัดกลุ่มข้อมูลอัตโนมัติให้สืบค้นได้ง่าย สามารถตอบคำถามแบบอัตโนมัติ รวมทั้งการแปลงเสียงพูดเป็นข้อความเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากการสนทนา (Speech-to-Text) องค์กรจึงสามารถเปลี่ยนข้อมูลที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นข้อมูลเชิงกลยุทธ์ที่นำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วและแม่นยำ ลดภาระงานซ้ำซ้อน และยกระดับการจัดการความรู้ในองค์กร

มีเวลาทุ่มเทในการพัฒนาธุรกิจมากขึ้น

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เทคโนโลยี NLP AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถจัดการกับข้อมูลที่มีความซับซ้อน เช่น เอกสาร สัญญา อีเมล หรือแม้แต่ข้อความจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น การนำเอาระบบแชตบอทอัจฉริยะ ระบบตอบกลับอัตโนมัติ และการจัดหมวดหมู่ข้อมูลมาใช้แทนแรงงานคน ช่วยลดเวลาในการประมวลผลข้อมูลลงอย่างมาก เมื่อองค์กรสามารถลดภาระงานด้านการจัดการเอกสารและการตอบคำถามลูกค้า ทำให้บุคลากรมีเวลาไปทุ่มเทกับการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการใหม่ๆ ได้มากขึ้น

NLP นำมาประยุกต์ใช้กับองค์กรได้อย่างไรบ้าง?

Natural Language Processing สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรได้หลายด้าน เช่น

ผู้ช่วยเสมือนและแชตบอท

NLP AI เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการพัฒนา แชตบอทอัจฉริยะ ที่สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อภาษาของมนุษย์ได้อย่างใกล้เคียงกับการสื่อสารจริง โดย NLP ช่วยให้แชตบอททำหน้าที่เป็น ผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant) ที่ตอบคำถามลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลสินค้าและบริการ การแนะนำโปรโมชัน หรือการตอบคำถามเบื้องต้น NLP ยังช่วยบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ทำให้การประมวลผลคำสั่งซื้อเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีความต่อเนื่อง และลดภาระงานของพนักงาน

ผู้ช่วยเสมือนช่วยค้นหาและวิเคราะห์เอกสาร

NLP ช่วยให้การจัดการข้อมูลภายในองค์กรเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้นหาเอกสารหรือข้อมูลสำคัญที่ต้องใช้เวลานานในการสืบค้นด้วยวิธีดั้งเดิม NLP AI ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะภายในองค์กร ที่คอยช่วยสืบค้นข้อมูลแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาจากชื่อเฉพาะ คำสำคัญ หมายเลขเอกสาร ระบบสามารถระบุและนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว นอกจากนี้ NLP AI  ยังสามารถเรียนรู้และเข้าใจบริบทของเอกสาร เช่น การระบุประเภทเอกสารโดยอัตโนมัติ การเชื่อมโยงข้อมูลข้ามระบบ หรือแม้แต่การสรุปเนื้อหาสำคัญจากเอกสารขนาดใหญ่ การนำ NLP AI มาใช้งานช่วยลดภาระการทำงานของพนักงาน เพิ่มความแม่นยำ และประหยัดเวลาในการตัดสินใจ

การวิเคราะห์ความรู้สึก

NLP สามารถวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis) ของผู้ใช้งานจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น โพสต์ในโซเชียลมีเดีย รีวิวผลิตภัณฑ์ อีเมลจากลูกค้า หรือบทสนทนาในแชตบอท การวิเคราะห์เหล่านี้ช่วยให้องค์กรรับรู้ความพึงพอใจหรือปัญหาที่ลูกค้าประสบอยู่แบบเรียลไทม์ NLP AI สามารถแยกแยะอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความพึงพอใจ ความไม่พอใจ หรือความตื่นเต้น ที่ซ่อนอยู่ในเนื้อความได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อผสานกับเทคโนโลยี Machine Learning และ Deep Learning ระบบจะสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การนำ NLP มาใช้วิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้า ส่งผลโดยตรงต่อการปรับปรุงกลยุทธ์ด้านการตลาด การบริการลูกค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

ผู้ช่วยในการแปลภาษา

หนึ่งในความก้าวหน้าที่โดดเด่นของเทคโนโลยี NLP AI คือความสามารถในการแปลภาษา ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือเสียงพูด NLP AI สามารถแปลงเนื้อหาจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับปรับโครงสร้างประโยคให้เข้าใจง่าย เป็นธรรมชาติ และใกล้เคียงกับภาษาพูดของเจ้าของภาษา NLP ยุคใหม่ ยังมีจุดเด่นคือการเรียนรู้บริบทและโทนของภาษา ทำให้เข้าใจเจตนารมณ์ของผู้พูดมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น การสนับสนุนลูกค้าหลายภาษา การสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงผู้ชมทั่วโลก และการสื่อสารแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้ใช้ที่มาจากหลากหลายประเทศ

การป้องกันภัยคุกคามภายใน

ข้อมูลถือเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงขององค์กร การรักษาความลับของข้อมูลภายในองค์กรจึงเป็นเรื่องที่ทุกธุรกิจให้ความสำคัญ เทคโนโลยี NLP AI  สามารถนำมาใช้เพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในระบบที่มีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อความจำนวนมาก โดย NLP สามารถทำงานร่วมกับระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ตรวจจับและวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อคัดแยกข้อมูลที่มีความอ่อนไหว พร้อมระบุระดับความลับของเอกสารนั้นๆ ได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเงื่อนไขให้ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการเข้าถึง แก้ไข หรือนำข้อมูลออกจากระบบโดยผิดปกติ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากทั้งภัยคุกคามภายใน (Insider Threat) และการโจมตีจากภายนอก

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ NLP ในด้านต่าง ๆ

NLP AI ถูกนำไปใช้งานในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ภาคธุรกิจ การศึกษา การแพทย์ ไปจนถึงการบริการลูกค้า เช่น

ด้านการทำงานวิจัย

วงการวิจัยถือเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลทางภาษาขนาดใหญ่ ทั้งจากบทความวิชาการ ข้อเสนอโครงการวิจัย รายงานการวิจัย หรือคำขอสิทธิบัตร NLP AI จึงถูกนำใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความแม่นยำของงานวิจัย เช่น การใช้ Topic Modeling จำแนกและจัดกลุ่มบทความวิจัยตามหัวข้อหลักโดยอัตโนมัติ ช่วยให้นักวิจัยสามารถมองเห็นภาพรวมขององค์ความรู้ในสาขาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การประยุกต์ใช้ Word Embedding หรือเวกเตอร์แทนคำเพื่อแปลงข้อความทั้งประโยคหรือเอกสารให้กลายเป็นเวกเตอร์เชิงปริมาณ ช่วยคำนวณความคล้ายคลึงกันระหว่างเอกสารต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การระบุความซ้ำซ้อนของโครงการวิจัย การช่วยแนะนำหัวข้อวิจัยที่ยังไม่เคยทำมาก่อน การวิเคราะห์คำขอสิทธิบัตรเพื่อตรวจสอบความใกล้เคียงกับสิทธิบัตรที่มีอยู่แล้ว เป็นต้น ในปี 2025 NLP AI model ยังมีการผสานข้อมูลเชิงภาษาเข้ากับระบบ AI ขั้นสูง เช่น Generative AI และ Retrieval-Augmented Generation (RAG) ซึ่งช่วยให้งานวิจัยสามารถตอบคำถามเชิงลึกจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้ทันทีโดยไม่ต้องอ่านทีละบทความ ช่วยให้กระบวนการสังเคราะห์ความรู้และพัฒนางานวิจัยมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce)

การซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก ธุรกิจออนไลน์ต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบข้อความ เช่น คำอธิบายสินค้า รีวิวจากลูกค้า คำถาม-คำตอบในหน้าสินค้า รวมถึงบทสนทนาผ่านระบบแชตระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย จึงมีการนำเอาเทคโนโลยี NLP AI มาใช้ในธุรกิจ E-commerce หลายรูปแบบ เช่น แชตบอทอัจฉริยะที่สามารถตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดภาระทีมบริการลูกค้า และเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งาน การวิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้า (Sentiment Analysis) ช่วยตรวจจับอารมณ์และความรู้สึกของลูกค้าได้จากรีวิวหรือความคิดเห็น ช่วยในการประเมินคุณภาพสินค้า และวางกลยุทธ์การตลาด การจัดหมวดหมู่ข้อความอัตโนมัติ (Text Classification) เช่น การจัดประเภทคำถามจากลูกค้า หรือการกรองข้อความที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องใช้แรงงานคน เป็นต้น

ด้านการแพทย์

ข้อมูลสุขภาพจำนวนมากมักถูกรวบรวมในรูปแบบของข้อความ ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย รายงานการวินิจฉัยโรค บันทึกทางการแพทย์ เทคโนโลยี NLP สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และตีความข้อความทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถูกนำไปใช้เพื่อยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุขในหลายด้าน เช่น การวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้ป่วยด้วย Sentiment Analysis ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าใจอารมณ์ ความวิตกกังวล หรือความเจ็บปวด ของผู้ป่วยได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การจำแนกข้อมูลทางการแพทย์ด้วย Named Entity Recognition (NER) เพื่อแยกแยะและจัดหมวดหมู่คำสำคัญในข้อความทางการแพทย์ เช่น ชื่อโรค ชื่อยา อาการ ขั้นตอนการรักษา เป็นต้น ในอนาคต NLP AI model  จะถูกพัฒนาให้สามารถเข้าใจภาษาทางการแพทย์เฉพาะทางได้ลึกยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถ สื่อสารกับผู้ป่วยผ่านแชตบอทอัจฉริยะ แนะนำแผนการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) และ คัดกรองความเสี่ยงของโรคได้แบบเรียลไทม์

ด้านกฎหมาย

วงการกฎหมายก็เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่มีข้อมูลข้อความจำนวนมาก เช่น ประมวลกฎหมาย คำร้อง คำให้การของคู่ความ คำพิพากษา บันทึกการไต่สวน ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความซับซ้อนและใช้ภาษาทางวิชาการสูง NLP AI ถูกนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของงานด้านกฎหมาย เช่น การใช้เทคนิค Part-of-Speech Tagging ช่วยแยกแยะโครงสร้างประโยค ทำให้สามารถวิเคราะห์เจตนารมณ์ของบทกฎหมายได้อย่างแม่นยำ ใช้เทคนิค Named Entity Recognition (NER) ช่วยสกัดข้อมูลสำคัญจากเอกสารจำนวนมากอย่างรวดเร็ว เทคนิค Topic Modeling วิเคราะห์หัวข้อหลักของคำร้องหรือคำพิพากษา ช่วยให้เจ้าหน้าที่กฎหมายสามารถจำแนกประเภทคดี หรือค้นหาคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น ลดเวลาในการสืบค้นข้อมูลและเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ การนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้กับงานด้านกฎหมาย ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อน แต่ยังเพิ่มความแม่นยำ ความรวดเร็ว และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้

สรุป

NLP (Natural Language Processing) คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและประมวลผลภาษามนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดย NLP AI จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อความ ภาษาพูดและภาษาเขียน เพื่อให้สามารถโต้ตอบหรือสรุปข้อมูลได้อย่างแม่นยำ NLP มีประโยชน์ในหลายด้าน เช่น การปรับปรุงการบริการลูกค้า การจัดการงานด้านเอกสาร วิเคราะห์ความคิดเห็นลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กร ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่ และปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

หากมองเห็นประโยชน์ของ NLP แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี สถาบันฝึกอบรม Solution Impact พร้อมเป็นผู้ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านเทคโนโลยี AI เรามีหลักสูตรเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรของคุณเข้าใจ NLP ทั้งเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ พร้อม Workshop จริงที่สามารถนำไปต่อยอดใช้งานได้ทันที ต้องการเปลี่ยนความซับซ้อนของภาษา ให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ สอบถามรายละเอียดหรือดูตารางอบรมล่าสุดได้ที่ SOLUTIONS IMPACT  หรือ LINE 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ NLP AI

NLP ทำอะไรได้บ้าง

NLP (Natural Language Processing) ช่วยให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ วิเคราะห์ ตีความ และโต้ตอบกับภาษามนุษย์ได้อย่างเป็นธรรชาติ เช่น การแปลภาษา สรุปข้อความ วิเคราะห์ความรู้สึก และแชทบอต

กระบวนการ NLP คืออะไร

กระบวนการ NLP ประกอบด้วยหลายขั้นตอน ได้แก่

– การทำความสะอาดข้อมูล (Text Preprocessing)
– การแยกคำและวิเคราะห์โครงสร้างภาษา (Tokenization & Parsing)
– การทำความเข้าใจความหมาย (Semantic Analysis)
– การนำไปใช้งาน เช่น การแปลภาษา หรือแชทบอต

NLP ใน AI คืออะไร?

NLP หรือ Natural Language Processing คือหนึ่งในแขนงของ Artificial Intelligence (AI) ที่เน้นการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ ตีความ และสร้างภาษามนุษย์ (Human Language) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาษาเขียนหรือภาษาพูด NLP ใช้เทคนิคต่าง ๆ ผสมผสานกัน เช่น การประมวลผลคำศัพท์ (Tokenization) การทำ Part-of-Speech Tagging วิเคราะห์หน้าที่ของคำ การทำ Named Entity Recognition (NER) เป็นต้น

ChatGPT เป็น NLP หรือไม่

ChatGPT เป็นโมเดลที่ใช้เทคโนโลยี NLP (Natural Language Processing) หรือการประมวลผลภาษาธรรมชาติ โดยเฉพาะในด้านการเข้าใจและสร้างข้อความในรูปแบบภาษามนุษย์ เนื่องจากมันสามารถรับข้อมูลจากข้อความที่ผู้ใช้ป้อนและตอบกลับได้อย่างมีความหมาย ทำให้ ChatGPT สามารถทำงานได้ในหลากหลายบริบท เช่น การสนทนา การสร้างบทความ การแปลภาษา และการให้คำแนะนำต่างๆ ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานของ NLP