ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่การแนะนำสินค้าบนโลกออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ไปจนถึงการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ สิ่งหนึ่งที่ถูกหยิบมาพิจารณาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “จริยธรรมด้าน AI” หรือ AI Ethic แม้ AI จะถูกออกแบบมาให้ “ฉลาด” แต่คำถามสำคัญคือ AI มีจริยธรรมหรือไม่? แล้วใครเป็นผู้กำหนดว่าการตัดสินใจของ AI นั้นถูกต้องเหมาะสม? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า จริยธรรม AI คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ และเราควรให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างไร
สิ่งที่คุณต้องรู้ว่าด้วยเรื่องจริยธรรม AI
ความเข้าใจในเรื่องจริยธรรม AI เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในยุคที่ AI มีบทบาทสำคัญในชีวิต สิ่งที่เราต้องรู้เรื่องของจริยธรรม กับ AI คือการทำความเข้าใจถึงการตัดสินใจของ AI และผลกระทบที่ตามมา
จริยธรรม AI คืออะไร
AI Ethics หรือ จริยธรรม AI คือ ชุดหลักการและแนวทางที่กำหนดขึ้นเพื่อชี้นำการวิจัย การพัฒนา และการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์อย่างรับผิดชอบ เป็นไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงและผลกระทบในทางลบให้น้อยที่สุด
โซนอันตรายของปัญญาประดิษฐ์

ในยุคปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้งานอย่างแพร่หลาย ประเด็นด้านจริยธรรม AI จึงได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในหลายด้าน แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลทั้งในด้านความเป็นธรรม ความปลอดภัย และผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ยกตัวอย่างเช่น การนำเทคโนโลยี Deepfake ไปใช้ในทางที่ผิด ทำการปลอมแปลงภาพและเสียงเพื่อหลอกลวงหรือบิดเบือนความจริง ซึ่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อบุคคลหรือธุรกิจ หรือ การนำ AI ไปใช้ในการตัดสินใจของระบบอาวุธหรือโดรนทางทหาร ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตมนุษย์ได้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่อง “ความเป็นธรรมของอัลกอริทึม” ซึ่งหมายถึงความสามารถของระบบ AI ในการปฏิบัติต่อผู้ใช้ทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติตามเชื้อชาติ เพศ หรืออัตลักษณ์อื่นๆ
ในส่วนของภาคธุรกิจ โมเดล Machine Learning ถูกเร่งการพัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทำให้อาจละเลยการออกแบบอย่างรอบคอบ ขาดการพิจารณาด้านผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ไม่ตั้งคำถามต่อผลลัพธ์ที่ได้จาก AI และขาดระบบติดตามผลอย่างจริงจัง นอกจากนั้น AI ยังมีข้อจำกัดเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน เนื่องจาก AI มักทำงานได้ดีเมื่อได้รับข้อมูลที่คล้ายกับสิ่งที่เคยเรียนรู้ เมื่อต้องเจอข้อมูลที่แปลกใหม่หรือไม่เคยเจอมาก่อน ระบบอาจตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย
ดังนั้น การกำกับดูแล ตรวจสอบ และปรับปรุงระบบ AI อย่างต่อเนื่องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะไม่เพียงแต่ฉลาดขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นธรรม ปลอดภัย และสอดคล้องกับหลักจริยธรรมที่พึงมีในสังคมปัจจุบัน
การจัดการกับเรื่องจริยธรรม AI
นโยบายจริยธรรม AI คือชุดของหลักการและแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในลักษณะที่รับผิดชอบและยั่งยืน โดยหลักจริยธรรมดังกล่าวมุ่งเน้นการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน AI ทั้งในระดับของผู้พัฒนา ผู้จัดจำหน่าย และผู้ใช้งาน
หัวใจสำคัญของนโยบายจริยธรรม AI ครอบคลุมหลายประเด็น ได้แก่ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ความปลอดภัย ความรับผิดชอบ และการกำกับดูแลโดยมนุษย์ หลักการเหล่านี้ช่วยให้ระบบ AI สามารถดำเนินงานได้อย่างเหมาะสมทั้งในด้านของกฎหมายและความเชื่อมั่นของสังคม การตระหนักถึงเรื่องจริยธรรม AI จึงไม่ใช่เพียงทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ การนำหลักจริยธรรม AI มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจตั้งแต่ต้นทาง ไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนด้านเวลาและทรัพยากรในระยะยาว แต่ยังช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน น่าเชื่อถือ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
แนวโน้มจริยธรรม AI
ประเด็นด้านจริยธรรมด้าน AI ควรถูกพิจารณาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ การฝังแนวคิดด้านจริยธรรม AI เข้าไปในกระบวนการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะช่วยลดความเสี่ยงของผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์และเพิ่มความไว้วางใจจากผู้ใช้งานและสังคมโดยรวม
จากผลการวิจัยในปี 2021 พบว่า มีเพียง 20% ขององค์กรที่มีกรอบแนวทางด้าน ai จริยธรรม และมีเพียง 35% เท่านั้นที่มีแผนจะปรับปรุงการกำกับดูแลระบบและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง แม้ตัวเลขเหล่านี้จะยังไม่สูงนัก แต่ความตื่นตัวต่อแนวคิด “AI ที่มีความรับผิดชอบ” กำลังเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการพัฒนานโยบายและแนวทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้
การสร้างความน่าเชื่อถือของ AI จำเป็นต้องอาศัยแนวทางแบบองค์รวมและสหวิทยาการ โดยอาศัยความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา นักจริยธรรม นักวิจัย นโยบายสาธารณะ ตลอดจนผู้ใช้งาน เพื่อให้ระบบการตรวจสอบและควบคุมสามารถประเมินผลและแก้ไขปัญหาได้ในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและโปร่งใส ซึ่งนำไปสู่การพัฒนา AI ที่มีความครอบคลุม เป็นธรรม และตอบโจทย์ต่อสังคมได้อย่างแท้จริง
ที่มาข้อมูล: bdi.or.th
สรุป 4 ประเด็น จริยธรรม AI

สรุป 4 ประเด็นสำคัญที่ควรตระหนักในเรื่องของ จริยธรรม AI มีดังนี้
1. กฎเกณฑ์ AI ไม่ควรหว่านแห
การกำกับดูแลเทคโนโลยี AI ไม่ควรให้ความสำคัญเพียงการป้องกันไม่ให้ผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ควรมุ่งเน้นการสร้าง “ธรรมาภิบาล AI” ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย และสามารถตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้ดำเนินการหาแนวทางและกลไกในการผลักดันให้การพัฒนาและใช้งาน AI เป็นไปตามหลักการและแนวทางจริยธรรม AI โดยอ้างอิงจากกรอบแนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ซึ่งเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมนวัตกรรม โดยการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับ AI จำเป็นต้องเข้าใจถึงบริบทและความต้องการของแต่ละภาคส่วนซึ่งมีความแตกต่างกัน การออกกฎหมายในลักษณะทั่วไปหรือ “หว่านแห” อาจไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงควรพิจารณาทั้งในด้านของโอกาสและความเสี่ยง เพื่อหาจุดที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละกรณี
แม้บางภาคส่วนจะมองว่าอุตสาหกรรม AI ในประเทศไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ยังไม่จำเป็นต้องมีการกำกับดูแล แต่สิ่งที่สามารถดำเนินการได้คือ การเตรียมความพร้อมด้านนโยบายสาธารณะโดยผสมผสานแนวทาง “การส่งเสริม” และ “การกำกับดูแล” ควบคู่กันไป ตัวอย่างเชิงนโยบายที่น่าสนใจ คือ แนวทางของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้พัฒนาเครื่องมือที่ชื่อว่า AI Verify สำหรับทดสอบความน่าเชื่อถือของ AI โดยภาครัฐจะเป็นผู้ให้การรับรองมาตรฐานแก่ซอฟต์แวร์หรือผลิตภัณฑ์ AI ที่ผ่านการทดสอบ ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับมาตรฐานแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งาน และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
2. ความท้าทายในการพัฒนา AI ในไทย
การพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) กำลังเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา หากอนาคต AI กลายเป็นส่วนหนึ่งในอุปกรณ์ดิจิทัลทุกชิ้น ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปจนถึงสมาร์ตโฟน การเข้าถึงและการใช้งานระบบ AI จะกลายเป็นต้นทุนถาวรที่ประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยีของตนเองต้องพึ่งพาและจ่ายให้กับผู้พัฒนาในต่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้บางประเทศกลายเป็นเพียง “ผู้ใช้งาน” โดยไม่มีอำนาจต่อรองหรือความมั่นคงทางเทคโนโลยีในระยะยาว
ประเทศไทยซึ่งมีการขับเคลื่อนด้าน AI มาอย่างต่อเนื่อง อาจใช้โอกาสนี้ในการประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อกำหนดจุดยืนร่วมกันในเวทีระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในประเด็นการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเป็นธรรม หากประเทศที่ยังไม่มีโอกาสพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองถูกจำกัดสิทธิหรือโดนกำหนดกติกาที่ไม่เอื้ออำนวยตั้งแต่ต้น ถือเป็นความไม่เป็นธรรมในระดับโครงสร้าง ดังนั้น ประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องพัฒนาระบบของตน แม้จะยังไม่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก แต่การมีจุดยืนและเทคโนโลยีพื้นฐานเป็นของตนเองถือเป็นสิ่งจำเป็น
สำหรับ LLM ภาษาไทย การพัฒนาโมเดลให้สามารถประมวลผลภาษาไทยอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งในด้านข้อมูลภาษาและความสามารถในการประมวลผล การเรียนรู้ของเครื่องจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นหากสามารถป้อนข้อมูลจำนวนมากเข้าไปให้ระบบเรียนรู้ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ประเทศที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณและโครงสร้างพื้นฐาน
ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทยมีศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ LANTA ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่มีศักยภาพในระดับโลก แม้จะยังไม่เพียงพอสำหรับการแข่งขันในระดับนานาชาติ แต่ถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของประเทศ หนึ่งในความพยายามที่โดดเด่น คือ การพัฒนา Foundation Model สำหรับภาษาไทย เช่น โครงการ OpenThaiGPT ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน สมาคม และหน่วยงานวิจัย โดยเปิดให้ประชาชนและผู้พัฒนาดาวน์โหลดโมเดลไปต่อยอดได้ฟรีในลักษณะโอเพนซอร์ส เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและสร้างนวัตกรรมโดยไม่จำกัดอยู่เพียงกลุ่มทุนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์ม AI for Thai ที่ให้บริการ API ด้าน AI ภาษาไทยแบบเปิดให้ใช้งานฟรี โดยเน้นการส่งเสริมให้นักพัฒนาและภาคธุรกิจสามารถทดลองใช้งานและต่อยอดเชิงพาณิชย์ในระบบนิเวศดิจิทัลที่เป็นมิตรและยั่งยืน
3. ‘อำนาจเงิน’ ขับเคลื่อนการแชร์ข้อมูลสนับสนุน AI
หนึ่งในความท้าทายสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยี AI คือการเข้าถึงข้อมูลที่เพียงพอและมีคุณภาพ แม้จะมีข้อมูลจำนวนมหาศาลบนอินเทอร์เน็ต แต่ก็ยังไม่เพียงพอทั้งในด้านปริมาณและความหลากหลายของชนิดข้อมูล ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาและฝึกฝนโมเดล AI ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นักวิจัยยังคงต้องการข้อมูลจากภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความพร้อมในการแบ่งปันข้อมูลที่ไม่ติดข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างไรก็ตาม การแบ่งปันข้อมูลภาครัฐในประเทศไทยยังเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะข้อจำกัดข้อกฎหมายและสิทธิในการครอบครองข้อมูลของตนเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดอุปสรรคในการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ข้อเสนอจากประเด็นนี้คือ การใช้ “อำนาจทางงบประมาณ” แทน “อำนาจทางกฎหมาย” โดยให้หน่วยงานที่มีอำนาจในการควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐกำหนดเป็นข้อบังคับว่า หากมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ หน่วยงานรัฐจะต้องระบุในข้อกำหนดและขอบเขตของงาน (TOR) ให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบ Big Data ของภาครัฐ รวมถึงการเชื่อมเข้ากับระบบดิจิทัลไอดี และการบูรณาการข้อมูลให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยให้ข้อมูลจากภาครัฐสามารถนำไปใช้ในการพัฒนา AI ได้มากขึ้น แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศของข้อมูลที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการพัฒนาประเทศในระยะยาว
4. คลายความกังวลของประชาชนด้วย AI Ehics

เมื่อเทคโนโลยี AI ได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น จนบางครั้งยากที่จะแยกแยะระหว่างสิ่งที่สร้างขึ้นโดย AI กับมนุษย์ได้ ความกังวลของสังคมเรื่องการถูกหลอกลวงและการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลจึงเพิ่มสูงขึ้น ภาครัฐและภาควิชาการจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ประชาชนอย่างจริงจัง หนึ่งในประเด็นที่ควรพิจารณาคือความน่าเชื่อถือของระบบ AI ต้องมาพร้อมกับการเคารพในความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Privacy) ผู้ใช้งานควรมีสิทธิ์ทราบว่าข้อมูลใดถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโมเดล และข้อมูลเหล่านั้นมีที่มาอย่างไร ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด โดยมีการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้ และในอนาคต โมเดล AI จะต้องมีการกรองข้อมูลซ้ำเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ในแง่ของการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสาธารณชน หน่วยงานวิจัยได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “Chatbot Arena” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ประเมินประสิทธิภาพของโมเดลภาษาไทยที่หลากหลาย โดยระบบจะสุ่มเลือกโมเดลสองชุดมาตอบคำถามของผู้ใช้ จากนั้นให้ผู้ใช้เลือกว่าโมเดลใดให้คำตอบที่น่าพึงพอใจมากกว่า ซึ่งคล้ายกับกระบวนการทดสอบของระบบ AI ระดับสากล เช่น ChatGPT นอกจากนี้ ยังมีการเสนอแนวคิดด้านนโยบายที่น่าสนใจ อาทิ การกำหนดให้สื่อดิจิทัลทุกประเภทต้องระบุ metadata ว่าเนื้อหาดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์หรือ AI หากไม่มีการระบุอย่างชัดเจน อาจไม่อนุญาตให้เผยแพร่สื่อนั้น ถือเป็นแนวทางที่คล้ายกับการทำ Watermark เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลที่ตนรับชมได้อย่างโปร่งใส และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในระบบ Call Center เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบว่า กำลังสนทนากับ AI หรือเจ้าหน้าที่มนุษย์
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากจริยธรรมของ AI สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการยกระดับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI ของประชาชนหรือ “AI Literacy” ซึ่งถือเป็นทักษะใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แนวทางที่เคยใช้งานได้ อาจล้าสมัยภายในเวลาอันสั้น จึงต้องมีการพัฒนาองค์ความรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
การรู้เท่าทัน AI ไม่ควรจำกัดอยู่เพียงแค่การระวังผลกระทบเชิงลบ แต่ควรรวมถึงการเข้าใจและรู้จักใช้งานเครื่องมือ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้นการใช้งานเครื่องมือ AI ผู้ใช้งานจึงควรไตร่ตรองให้รอบคอบโดยเฉพาะการพิจารณาว่าข้อมูลที่ได้รับจาก AI มีความถูกต้องเพียงใด
ที่มาข้อมูล: ai.in.th
หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี AI อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าใจในเชิงลึก พร้อมทั้งนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจต่างๆ ที่ Solutions Impact เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาและออกแบบหลักสูตรที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยเน้นการถ่ายทอดเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและทันสมัย พร้อมให้ความสำคัญกับจริยธรรมในการใช้งานเทคโนโลยี AI อย่างเหมาะสม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ จริยธรรม AI
จริยธรรมของ AI คืออะไร
จริยธรรมของ AI (AI Ethics) คือ ชุดของหลักการ แนวทาง หรือกรอบความคิดที่ใช้พิจารณาว่า การออกแบบ พัฒนา และใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ควรเป็นไปในลักษณะที่ ปลอดภัย เป็นธรรม และเคารพสิทธิมนุษยชน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ AI สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน
จริยธรรม AI มีอะไรบ้าง
จริยธรรมของ AI ครอบคลุมหลายประเด็น เช่น
1. ความโปร่งใส (Transparency) AI ควรสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงตัดสินใจแบบนั้น เช่น ในกรณี AI ปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ AI ควรอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใด
2. ความเป็นธรรม (Fairness) AI ต้องไม่เลือกปฏิบัติหรือมีอคติต่อกลุ่มคน เช่น เชื้อชาติ เพศ อายุ หรือศาสนา ซึ่งอาจเกิดจากข้อมูลฝึกสอน (training data) ที่ไม่สมดุล
3. ความรับผิดชอบ (Accountability) เมื่อเกิดความผิดพลาดจาก AI เช่น การวินิจฉัยโรคผิดพลาด ต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความผิดให้ “ระบบ”
4. ความเป็นส่วนตัว (Privacy) AI ต้องเคารพข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และต้องรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มงวด
5. ความปลอดภัย (Safety) การพัฒนา AI ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมในระยะยาว โดยเฉพาะกรณีที่ AI สามารถตัดสินใจเองหรือเรียนรู้ต่อเนื่อง (autonomous systems)
Ethical AI หมายถึงอะไร
Ethical AI (ปัญญาประดิษฐ์ที่มีจริยธรรม) หมายถึง การออกแบบ พัฒนา และใช้งานระบบ AI โดยคำนึงถึงหลักจริยธรรมและคุณค่าทางสังคม เพื่อให้การทำงานของ AI เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ ไม่ละเมิดสิทธิ หรือก่อให้เกิดอคติ ความไม่เป็นธรรม หรือผลกระทบในทางลบต่อผู้คนและสังคม
จุดประสงค์หลักของ Predictive AI คืออะไร
จุดประสงค์หลักของ Predictive AI คือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตและปัจจุบัน เพื่อทำนายหรือคาดการณ์เหตุการณ์หรือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการวิเคราะห์รูปแบบ แนวโน้ม และความสัมพันธ์ในข้อมูลขนาดใหญ่ Predictive AI ช่วยให้ธุรกิจและองค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน และเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น