ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง คำว่า ปัญญาประดิษฐ์เรียกอีกอย่างว่า Artificial Intelligence หรือ AI กลายเป็นหนึ่งในคำที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เป็นเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ปัญญาประดิษฐ์ ในปัจจุบันได้ถูกมนุษย์นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในหลายภาคส่วนทางภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมการผลิต ในบทความนี้ เราจะศึกษาถึงความหมายของปัญญาประดิษฐ์ ปัญญาประดิษฐ์ คืออะไร ปัญญาประดิษฐ์ มีอะไรบ้าง ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร

ปัญญาประดิษฐ์ คืออะไร

ปัญญาประดิษฐ์ หมายถึง การให้คอมพิวเตอร์และเครื่องจักรทำงาน และเลียนแบบการทำกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูล วางแผน และแก้ไขปัญหา โดยมีการใช้เทคโนโลยีและวิธีการทางคณิตศาสตร์ เช่น การเรียนรู้ข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์, และอื่นๆ มาช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ตามต้องการ

ปัญญาประดิษฐ์ แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง

 โดยทั่วไปแล้ว ปัญญาประดิษฐ์ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ

ความสามารถ ปัญญาประดิษฐ์และการใช้งาน 

1.1 Artificial Narrow Intelligence (ANI)

เป็นระบบ AI ที่สามารถทำงานได้เป็นบางอย่างเท่านั้น ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทำงานอย่างเดียว ไม่สามารถทำงานอื่นนอกเหนือจากโปรแกรมชุดคำสั่งที่ตั้งไว้ได้ ไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ยกตัวเอย่างเช่น Google Translate, หุ่นยนต์ให้บริการในร้านอาหาร

1.2 Artificial General Intelligence (AGI)

เป็น AI ที่มีสติปัญญา มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เหมือนกับมนุษย์ ในปัจจุบันยังคงอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา

1.3 Artificial Super Intelligence (ASI) 

เป็น AI ที่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ และประมวลผลได้ดี แม่นยำ และเหนือกว่ามนุษย์ในทุกด้าน แต่ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่สามารถทำได้จริง

ตามฟังก์ชั่นการใช้งานและการประมวลผล

2.1  Reactive Machines เป็น AI ที่ยังไม่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ไม่มีหน่วยความจำเป็นของตัวเอง ไม่สามารถดึงเอาข้อมูลเก่ามาวิเคราะห์และประมวลผลได้ สามารถโต้ตอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเท่านั้น แต่มีข้อดีคือสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว

2.2  Limited Memory เป็น AI ที่มีการพัฒนามาจาก Reactive Machines มีหน่วยความจำเป็นของตัวเอง สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองผ่านข้อมูลชุดเก่า แต่ความจำยังเป็นขนาดเล็ก เก็บข้อมูลได้จำกัด ข้อดีคือ สามารถเรียนรู้และปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดี ยิ่งมีข้อมูลมากยิ่งสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

2.3 Theory Of Mind เป็น AI ที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา ไม่ได้ถูกนำมาใช้จริง มีจุดเด่นคือ AI จะสามารถเข้าใจถึงความรู้สึก อารมณ์ วัฒนธรรม ความเชื่อ ของมนุษย์ได้ 

2.4 ประเภท Self-Awareness เป็น AI ขั้นสูงที่มีอารมณ์ ความรู้สึก ความเชื่อ และมีความต้องการเป็นของตัวเอง มีสามารถในการคิด ตัดสินใจ เลือก และกระทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง AI ประเภทนี้ยังไม่สามารถพัฒนาได้

การนำเอาปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ประโยชน์

ปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในธุรกิจหลายภาคส่วน ช่วยให้มนุษย์ทำงานที่มีความซับซ้อน ทำงานในส่วนที่มนุษย์เข้าไปไม่ถึง แก้ไขข้อจำกัดในการทำงานโดยมนุษย์ เพิ่มความแม่นยำและรวดเร็วในการทำงานมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่า AI เป็นตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตของมนุษย์มีความสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น โดยมีการนำมาใช้ดังนี้

1. ปัญญาประดิษฐ์ด้านการแพทย์

ปัญญาประดิษฐ์มีบทบาทสำคัญและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทางด้านการแพทย์และสุขภาพ มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การช่วยในการวินิจฉัยโรคอย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยมีประโยชน์ดังนี้

  • สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้ทันทีและแม่นยำมากขึ้น 
  • ช่วยในการตรวจวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น ภาพเอ็กซเรย์ CT Scan, Ultra Sound ภาพเอ็กโตกราฟี หรือภาพส่องกล้อง สามารถแยกแยะรอยโรค เซลล์ที่ผิดปกติออกจากเซลล์ที่ปกติ เช่น แยกแยะเซลล์มะเร็ง เซลล์เม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติ สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงของการเป็นโรคได้ล่วงหน้า ทำให้แพทย์ออกแบบวิธีการรักษา วางแผนการรักษา และเริ่มต้นรักษาโรคได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงช่วยลดโอกาสการเสียชีวิต
  • ใช้ผ่าตัดอวัยวะภายในร่างกายบริเวณที่มือแพทย์เข้าไปไม่ถึงโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด 
  • ใช้ติดตามอาการของผู้ป่วยโดยไม่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์  เช่น ติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด ทำนายโอกาสเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นและภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอก เป็นต้น
  • ใช้ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น ประวัติการรักษาของผู้ป่วย ประวัติครอบครัว ข้อมูลทางพยาธิวิทยา การบริโภคอาหาร และข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ 
  • เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบบริการสุขภาพ เช่น การจัดการนัดหมาย, การจัดการการเงินและบัญชี, คาดการณ์ระยะเวลาในการรอคอยและระยะเวลานัดที่ล่าช้า คาดการณ์จำนวนผู้ป่วยที่จะเข้ารับบริการในแต่ละช่วงเวลา ตรวจสอบจำนวนเตียงที่ว่างอยู่ในแต่ละแผนก ช่วยให้การให้บริการสุขภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและมีคุณภาพ

2. ปัญญาประดิษฐ์ด้านการเรียนรู้และการศึกษา

  • ปัญญาประดิษฐ์ช่วยในการปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบุคคล และสร้างเครื่องมือการเรียนรู้ที่ทันสมัย
  • ช่วยออกแบบหลักสูตรและแผนการสอนที่เหมาะสมต่อผู้เรียนได้อย่างรวดเร็วและมีและมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เรียน เช่น คะแนนการประเมิน บันทึกการเข้าเรียน จุดแข็ง จุดอ่อน ความสนใจ เพื่อออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอน ให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้เรียนแต่ละคนได้

3. ปัญญาประดิษฐ์ด้านยานพาหนะและการเดินทาง

  • การนำเอาปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในยานยนต์อัจฉริยะช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนและทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นพาหนะสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ โดยยานยนต์อัจฉริยะมีความสามารถ เช่น ช่วยระบุตำแหน่งของรถ ตรวจวัดตำแหน่งของรถคันอื่นที่อยู่ในเลนเดียวกัน หรือรถที่กำลังสวนเลนมา หาสิ่งกีดขวางเส้นทางที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ ตรวจหาเส้นแบ่งถนนเพื่อให้รถวิ่งอยู่ในเลนที่ถูกต้อง ไม่ออกนอกเลนถนน เป็นต้น
  • ใช้ AI ในการติดตามระดับน้ำมัน ปริมาณน้ำมันที่ใช้ไป ค่าน้ำมัน เพื่อวางแผนการเติมน้ำมันรถ
  • ใช้ติดตามเส้นทางการจราจร สภาพภูมิอากาศ ได้แบบเรียลไทม์ แนะนำเส้นทางเพื่อเลี่ยงเส้นทางจราจรที่มีความหนาแน่นได้ ทำให้การเดินทางมีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

4. ปัญญาประดิษฐ์ด้านการบริการลูกค้า

  • ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในระบบบริการลูกค้าออนไลน์ สามารถตอบคำถาม ให้ข้อมูล และแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดเวลาในการตอบสนองและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
  • ใช้ AI ช่วยจัดการการแสดงผลโฆษณาเพื่อไม่ให้โฆษณาไปรบกวนลูกค้ามากจนเกินไปและแสดงผลโฆษณาที่ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น โดย AI จะวิเคราะห์ลักษณะการใช้งานของลูกค้าว่ามีพฤติกรรมคลิกเข้าไปดูโฆษณาหรือไม่ ดูโฆษณาประเภท
  • ผู้ให้บริการด้านความบันเทิง เช่น เน็ตฟลิก ใช้ AI ในการติดตามพฤติกรรมการชมซีรีย์และภาพยนตร์ โดยเก็บประวัติประเภทภาพยนตร์ที่เราเลือกชม ระยะเวลาในการเข้าชม นักแสดง แล้วแนะนำหนังหรือซีรีย์ที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มว่าจะเลือกชม ให้แสดงผลในหน้าแรก

5. ปัญญาประดิษฐ์ด้านการเกษตร

  • การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตทางการเกษตรและการประมง ช่วยให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทำเป็นระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) โดยใช้ AI ช่วยวิเคราะห์สภาพดินว่าเหมาะสมแก่การเพาะปลูกพืชชนิดนั้นๆ หรือไม่ คำนวนช่วงเวลาที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แปลงไหนสามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนหรือหลัง 
  • ใช้ตรวจสอบสัตว์ในฟาร์มปศุสัตว์

6. ปัญญาประดิษฐ์ด้านการรักษาความปลอดภัย

  • ในภาคอุตสาหกรรมบันเทิง มีการนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อตรวจจับใบหน้าแอนตี้แฟนไม่ให้เข้ามาในงานแสดงคอนเสิร์ตของศิลปิน หรือแฟนมีตติ้งได้
  • ใช้สแกนใบหน้าก่อนเข้าสถานที่ทำงาน เพื่อคัดกรองเฉพาะบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น และแจ้งเตือนเมื่อมีใบหน้าบุคคลแปลกหน้าที่ไม่มีในฐานข้อมูลเข้ามาภายในพื้นที่
  • ใช้ตรวจจับป้ายทะเบียนรถ ประเภทและลักษณะของรถ
  • ใช้ค้นหาบุคคลสูญหาย ตรวจจับบุคคลต้องสงสัย หรือผู้ร้ายที่หลบหนีการจับกุม

7. ปัญญาประดิษฐ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  • มีการนำเอาปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการสัมภาษณ์ผู้สมัครในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การขายผ่านทางโทรศัพท์
  • วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคัดเลือกผู้สมัครที่ส่งใบสมัครเข้ามาจำนวนมาก เพื่อเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงาน ช่วยประหยัดเวลาในการตรวจคัดกรองใบสมัครโดยมนุษย์
  • ตอบคำถามข้อมูลเบื้องต้นของบริษัท เช่น นโยบายบริษัท สวัสดิการต่างๆ 

8. ปัญญาประดิษฐ์ด้านอุตสาหกรรม

  1. ใช้ AI ช่วยตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน มีข้อบกพร่องในสายการผลิต และทำการคัดแยกออกมาได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่จะส่งไปยังขั้นตอนต่อไป
  2. ช่วยคาดการณ์ว่าเครื่องมือและเครื่องจักรจะชำรุดเมื่อใด และคาดเดาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องบำรุงรักษา เพื่อเตรียมวางแผนและดำเนินการดูแล ซ่อมแซม และบำรุงรักษา

9. ปัญญาประดิษฐ์ทางด้านการเงินและบัญชี

  • ช่วยตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีของกิจการขนาดใหญ่ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมาก ว่าเป็นไปตามมาตรฐานทางด้านบัญชีในส่วนที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อ่านสัญญาทางการค้า วิเคราะห์และสรุปผล
  • ช่วยบันทึกและลงรหัสบัญชีได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และพยากรณ์แนวโน้มธุรกิจ รวมไปถึงเขียนคู่มือการทำงานทางด้านบัญชีได้
  • ช่วยในงานด้านตรวจสอบภายในโดยเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูลกิจการจากอดีตมาถึงปัจจุบัน เพื่อตรวจสอบหาข้อผิดพลาดและความผิดปกติ

จะเห็นได้ว่า ปัญญาประดิษฐ์มีความใกล้ชิดจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ หากต้องการเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ แนวทางการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ สามารถเข้าฝึกอบรมกับเราได้ที่ SOLUTIONS IMPACT ได้เลย เรามีหลักสูตรอบรมสำหรับองค์กรทางด้านเทคโนโลยี AI  เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจ เล็งเห็นความสำคัญ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับ AI รวมทั้งนำ AI ไปปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์

ปัญญาประดิษฐ์ คืออะไร

ปัญญาประดิษฐ์ หมายถึง การให้คอมพิวเตอร์และเครื่องจักรทำงาน และเลียนแบบการทำกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูล วางแผน และแก้ไขปัญหา โดยมีการใช้เทคโนโลยีและวิธีการทางคณิตศาสตร์ เช่น การเรียนรู้ข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์, และอื่นๆ มาช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ตามต้องการ

ปัญญาประดิษฐ์นำมาใช้อะไรได้บ้าง

ปัญญาประดิษฐ์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในหลายภาคส่วน ทั้งด้านบริการและทางการแพทย์ เช่น ช่วยวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับอาการของโรค ช่วยตรวจสอบการผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน หรือมีความบกพร่องในสายการผลิต การนำเอาปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในยานยนต์อัจฉริยะช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนและทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นพาหนะสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ ช่วยตรวจสอบความหนาแน่นการจราจรบนท้องถนนเพื่อแนะนำเส้นทางที่เลี่ยงการจราจรติดขัด เป็นต้น

ตัวอย่าง AI ที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

– ระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอสมาร์ทโฟน (Face ID) และการสแกนใบหน้าเพื่อเข้าออกสถานที่ทำงาน
– ผู้ช่วยส่วนตัวระบบการสั่งงานด้วยเสียง เช่น siri, Alexa, Google home การสั่งการเปิด-ปิดไฟภายในบ้าน 
– ระบบตรวจจับการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเตือนไปยังสมาร์ทโฟนหากพบความผิดปกติ เช่น ลืมปิดน้ำ ปิดไฟ พบควันหรือประกายไฟ
– ช่วยคัดกรองอีเมล เช่น อีเมลสำคัญ อีเมลขยะ
– การแสดงเนื้อหาโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ